ในปีที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงใหม่จำนวนมากในตลาดประเทศไทย และทางทีมงาน thaiautonews.net ก็ได้มีโอกาสลองขับรถเหล่านี้หลายรุ่นด้วยกัน
เป็นที่คาดการณ์ว่าในปี 2562 ตลาดรถยนต์ประเทศไทย มียอดขายรถยนต์ที่ระดับ 1 ล้านคัน ซึ่งประกอบไปด้วยรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ต่างๆ (รถกระบะและรถตู้หลายคันก็ใช้เป็นพาหนะส่วนบุคคลเช่นกัน)
รายชื่อรุ่นรถต่อไปนี้ เป็นรถยนต์ที่เราได้ลองขับทดสอบแล้วรู้สึกชื่นชอบมากที่สุดในปีที่ผ่านมา โดยหัวข้อต่างๆที่พิจารณา ได้แก่ ดีไซน์, สมรรถนะ, ระดับอุปกรณ์ และ ราคา เป็นต้น
Audi A1 Sportback 35 TFSI S-line (2.149 ล้านบาท)

Audi บุกเข้าสู่ตลาดรถยนต์พรีเมี่ยมขนาดเล็กด้วย A1 subcompact ที่นำเข้าทั้งคันและมาพร้อมกับออปชั่นใหม่ล่าสุด เช่น Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว และ ราคาที่แข่งขันได้เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ประกอบในประเทศ เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จขนาด 1.5 ลิตร 150 แรงม้า และ 250 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ในขณะที่ระบบกันสะเทือนนั้นถือได้ว่าเยี่ยมสำหรับรถยนต์ตัวถังขนาดนี้ อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม ใช้เวลา 7.7 วินาทีในขณะที่ความเร็วสูงเคลมไว้ที่ 222 กม./ชม.
Honda Civic Turbo RS 2019 (1.219 ล้านบาท)

Civic รุ่นปัจจุบันได้ถูกเปิดตัวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่มันก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของกลุ่ม C-segment ในประเทศไทย ด้วยการออกแบบที่ล้ำสมัยรวมถึงสมรรถนะที่ค่อนข้างเร้าใจ เครื่องยนต์วีเทคเทอร์โบ ความจุ 1.5 ลิตรผลิตกำลังสูงสุด 173 แรงม้าและแรงบิด 220 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์ CVT ที่ตอบสนองได้ฉับไว ในขณะที่ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบสตรัท และหลังแบบมัลติลิงค์ ให้ความเป็นสปอร์ตที่ลงตัว ภายในค่อนข้างโอ่อ่าและการตกแต่งดูล้ำสมัย แต่เกรดของวัสดุในห้องโดยสารนั้นแค่ระดับปานกลางในขณะที่ค่าตัวนั้นสูงมากกว่าคู่แข่ง
Mazda3 (1.198 ล้านบาท)

เป็นรุ่นใหม่ทั้งหมดและต้องยอมรับว่า Mazda3 ใหม่นั้นดูดีขึ้นกว่าเดิมไปอีกระดับ ด้วยการออกแบบ Kodo Design ล่าสุด เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G ขนาด 2.0 เดิมดีรับการปรับปรุงใหม่ มีกำลังสูงสุด 165 แรงม้า และ แรงบิด 213 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดูดี แต่พอขับจริงแล้วจะรู้สึกอืดๆ (อยากได้กำลังมากกว่านี้) อย่างไรก็ตามมาสด้า 3 ใหม่นั้นให้ประสิทธิภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้นและนุ่มนวลยิ่งขึ้น ด้วยช่วงล่าง สตรัท/ทอร์ชั่นบีม และระบบ GVC Plus รวมถึงการตกแต่งภายในที่เนี๊ยบที่สุดในเซ็กเม้นท์นี้ โดยรุ่นท๊อปมาพร้อมกับแพ็คเกจอุปกรณ์เต็มรูปแบบซึ่งรวมไปถึงระบบเสียงคุณภาพสูงจาก BOSE
MG HS (1.119 ล้านบาท)

หากคุณชอบ ครอสโอเวอร์เยอรมัน เช่น BMW และ Mercedes-Benz แต่ไม่สามารถจ่ายราคาระดับพรีเมียมแล้วละก็ มองไปที่ MG HS ได้เลย ครอสโอเวอร์ขนาดกลางรุ่นใหม่ของ MG รวบรวมองค์ประกอบการออกแบบของเยอรมัน (และญี่ปุ่นด้วย) รวมเข้าด้วยกันภายใต้รูปแบบที่ทันสมัยและหรูหรา นอกเหนือจากเรื่องการออกแบบที่เตะตา (ซึ่งบางคนอาจตั้งคำถามว่ามันเป็นการลอกเลียนแบบหรือไม่) HS ยังมีสมรรถนะที่ไม่เลวจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรติดเทอร์โบชาร์จ และแชสซีที่ได้รับการปรับแต่งอย่างดีในสไตล์ยูโร มีระบบทันสมัยมากมายแถมมาด้วย เช่นระบบ i-SMART ที่เลื่องชื่อ ระบบ Lane Keeping Assist และหลังคากระจกไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทำให้ HS เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเซ็กเม้นท์สำหรับเรา
MG ZS EV (1.19 ล้านบาท)

MG ทำให้คู่แข่งทั้งตลาดตกใจ เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้วด้วยการเปิดตัว ZS EV โดยแปะราคามาเพียง 1.19 ล้านบาทเท่านั้น ZS EV ได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ระบายความร้อนด้วยน้ำขนาด 44.5kWh พร้อมด้วยความสามารถในการชาร์จอย่างรวดเร็ว (0-80 เปอร์เซ็นต์ภายใน 43 นาที) โดยการชาร์จปกติจากผนังแบบ 7kWh ใช้เวลา 6.5 ชั่วโมง (0-100%) ส่งกระแสให้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 150 แรงม้า MG อ้างว่าระยะทำการของรถนั้นใกลถึง 428 กม. (ลดเหลือ 335 กม. ตามมาตรฐาน NEDC) ความแรงพอตัวทีเดียว ใช้เวลาแค่ 9 วินาทีจาก 0-100 กม./ชม. แต่ความเร็วสูงสุดจะอั้นอยู่ที่ 150 กม./ชม. เท่านั้น (ที่ความเร็วสูงแบตจะหมดไวมากควรหลีกเลี่ยง)
BMW M4 CS (11.399 ล้านบาท)

ลืม M4 ตัวธรรมดาไปได้เลยเพราะ M4 CS ตัวนี้แรงและเร็วกว่าเยอะ โดยเป็นรุ่นผลิตพิเศษสำหรับ Club Race ต่างๆ เครื่องยนต์ 6 สูบ twin-turbo ผลิตกำลัง 460 แรงม้า และแรงบิดสูงถึง 600 นิวตัน-เมตร โดยถูกจับคู่กับระบบส่งกำลัง M DCT แบบคลัทช์คู่ 7-สปิด อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 3.9 วินาทีและความเร็วสูงสุดเคลมไว้ที่ 280 กม./ชม. นอกเหนือจาก M Compound brakes และ Active M Differential แล้วยังมีคาร์บอนไฟเบอร์อยู่มากมายรอบห้องโดยสาร รวมถึงที่เบาะนั่งแบบbucket seat สุดๆ เพื่อเตือนให้คุณรู้ว่ามันเป็นรถแข่งปลอมตัวมา!
Porsche Cayenne Coupe (8.6 ล้านบาท)

เมื่อเทียบกับ Cayenne รุ่นปกติแล้วตัว Coupe นั้นมีแนวหลังคา แนวกระจกหน้า และเสา A ที่ตื้นกว่ารวมถึงการออกแบบประตูและบังโคลนหลังใหม่ (กว้างขึ้น 18 มม.) ทำให้รถดูปราดเปรียวและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวในตลาดไทยคือรุ่น 3.0 ลิตร V6 Turbo 340 แรงม้า และ 450 นิวตัน-เมตร ถ้าเสริมแพ็คเกจ Sport Chrono จะวิ่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 6.0 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 243 กม./ชม. แต่ถ้าจะเอาแรงสุดๆ ต้องจองรุ่น V8 Twin Turbo 550 แรงม้า อัตราเร่งแบบไส้แตก ที่ 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 286 กม./ชม.!!
Volvo XC90 T8 Twin Engine AWD Inscription (4.79 ล้านบาท)

นี่คือครอสโอเวอร์แบบไฮบริดขนาดใหญ่ (ลำเท่าเรือ) ที่มี 7 ที่นั่งที่และให้การประหยัดเชื้อเพลิงที่ไม่น่าเชื่อ รวมถึงอัตราเร่งความเร็วระดับรถสปอร์ทซีดาน (5.6 วินาทีสำหรับ 0-100 กม./ชม.) ด้วยเครื่องยนต์ 320 แรงม้าทั้งซูเปอร์ชาร์จและเทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า นอกจากสไตล์การตกแต่งภายนอกที่หรูหราแล้ว XC90 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ขั้นสูงและชาญฉลาดมากมายรวมถึงระบบเสียง B&W คุณภาพสูง ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 11.6-kWh คุณสามารถเพลิดเพลินกับการขับขี่โหมดไฟฟ้าได้ถึง 44 กม. ที่น่าสนใจอีกอย่างคือค่าตัวที่ต่ำกว่ารถขนาดเดียวกันจากยุโรป
Mercedes-AMG GLC 43 (4.73 ล้านบาท)

หากคุณคิดว่าครอสโอเวอร์น่าเบื่อ ลองเข้าไปนั่งใน GLC 43 Coupe แล้วกดคันเร่งดู แล้วจะรู้ว่านรกมีจริง รถที่สำนักแต่ง AMG สรรค์สร้างมาคันนี้ มาพร้อมกับราคาที่ต่ำกว่าเมื่อตอนนำเข้าทั้งคัน เพราะเริ่มประกอบในประเทศ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบคู่ 367 แรงม้า และ 520 นิวตัน-เมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ส่งกำลังสู่ทุกล้อผ่านระบบ 4MATIC อัตราเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ต่ำกว่า 5 วินาทีและความเร็วสูงสุดอ้างไว้ที่ 250 กม./ชม. ระบบช่วงล่างแบบมัลติลิงค์หน้า-หลัง ยางแก้มเตี้ยแบบสปอร์ทจับคู่กับล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว และดิสก์เบรกขนาดใหญ่ ทำให้ GLC 43 เป็นรถครอสโอเวอร์ที่สามารถขับในเซอร์กิตได้สบาย ถ้าไม่เชื่อก็สอบถามจากผู้สอนขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นะ
Suzuki Ertiga (695,000 บาท)

Ertiga เป็น MPV ขนาดเล็ก 7 ที่นั่งที่ประกอบในประเทศอินโดนีเซียที่มาพร้อมกับเบาะนั่งแถวที่สองที่เลื่อนได้ และพื้นที่เก็บสัมภาระ 800 ลิตร มีที่วางแก้ว/ขวดน้ำ 10 จุด, พอร์ต USB และช่องจ่ายไฟ 12V สองช่อง เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรสูบ 105 แรงม้า ให้การขับขี่ที่ดีและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ได้ ไม่ค่อยมีอะไรหรูหรานอกจากการตกแต่งด้วยลายไม้นิดหน่อยและห้องโดยสารที่โปร่งโล่งสบาย แต่ Ertiga ก็เป็น MPV ขนาดเล็กที่ขับง่ายใช้คล่อง ในราคาค่าตัวที่ใครๆก็เป็นเจ้าของได้ไม่ยาก